^-^ MY WELCOME ^-^
วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2555
Acknowledged for Microsoft Excel
การใช้โปรแกรม Microsoft Excel ในการสร้างแฟ้มงาน การคำนวณ ...
สมาชิกกลุ่มประกอบด้วย ครูสุชาดา, ครูสายสุนีย์, ครูณัฎฐ์ธยาน์, ครูนิศารัตน์ และครูปิยภรณ์
ขอบเขตการใช้โปรแกรมที่กลุ่มนำเสนอ
1. การ sum ข้อมูล
2. การ run เลขหน้า
3. การเพิ่มความสูงกว้างของตาราง
4. การ แทรกเซลล์
5. การผสานเซลล์
6. การเลือกรูปแบบการทำรายงาน
7. การจัดวางทิศทางของตัวอักษร
8. การผสานเซลล์ และการจัดเซลล์
หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
| ||
— พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2517 |
เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาที่ยึดหลักทางสายกลาง ที่ชี้แนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติของประชาชนในทุกระดับให้ดำเนินไปในทางสายกลาง มีความพอเพียง และมีความพร้อมที่จะจัดการต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะต้องอาศัยความรอบรู้ รอบคอบ และระมัดระวัง ในการวางแผนและดำเนินการทุกขั้นตอน ทั้งนี้ เศรษฐกิจพอเพียงเป็นการดำเนินชีวิตอย่างสมดุลและยั่งยืน เพื่อให้สามารถอยู่ได้แม้ในโลกโลกาภิวัตน์ที่มีการแข่งขันสูง
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่ทรงปรับปรุงพระราชทานเป็นที่มาของนิยาม "3 ห่วง 2 เงื่อนไข" ที่คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นำมาใช้ในการรณรงค์เผยแพร่ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงผ่านช่องทางสื่อต่าง ๆ อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งประกอบด้วยความ "พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน" บนเงื่อนไข "ความรู้" และ "คุณธรรม"
ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง อธิบายถึงการพัฒนาตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ว่า เป็นการพัฒนาที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของทางสายกลางและความไม่ประมาท โดยคำนึงถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล และการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัวตลอดจนการใช้ความรู้ ความรอบคอบละคุณธรรมประกอบการวางแผน การตัดสินใจและการกระทำต่างๆ ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดี ที่ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เช่น การผลิตและการบริโภคที่พอประมาณ ความมีเหตุผล หมายถึง การใช้หลักเหตุผลในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ การมีภูมิคุ้มกันที่ดี หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับต่อผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงรอบตัว ปัจจัยเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้นั้น จะต้องอาศัยความรู้ และคุณธรรม เป็นเงื่อนไขพื้นฐาน กล่าวคือ เงื่อนไขความรู้ หมายถึง ความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังในการดำเนินชีวิตและการประกอบการงาน ส่วนเงื่อนไขคุณธรรม คือ การยึดถือคุณธรรมต่างๆ อาทิ ความซื่อสัตย์สุจริต ความอดทน ความเพียร การมุ่งต่อประโยชน์ส่วนรวมและการแบ่งปัน ฯลฯ ตลอดเวลาที่ประยุกต์ใช้ปรัชญา
อภิชัย พันธเสน ผู้อำนวยการสถาบันการจัดการเพื่อชนบทและสังคม ได้จัดแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงว่าเป็น "ข้อเสนอในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจตามแนวทางของพุทธธรรมอย่างแท้จริง" ทั้งนี้เนื่องจากในพระราชดำรัสหนึ่ง ได้ให้คำอธิบายถึง เศรษฐกิจพอเพียง ว่า "คือความพอประมาณ ซื่อตรง ไม่โลภมาก และต้องไม่เบียดเบียนผู้อื่น"
ระบบเศรษฐกิจพอเพียงมุ่งเน้นให้บุคคลสามารถประกอบอาชีพได้อย่างยั่งยืน และใช้จ่ายเงินให้ได้มาอย่างพอเพียงและประหยัด ตามกำลังของเงินของบุคคลนั้น โดยปราศจากการกู้หนี้ยืมสิน และถ้ามีเงินเหลือ ก็แบ่งเก็บออมไว้บางส่วน ช่วยเหลือผู้อื่นบางส่วน และอาจจะใช้จ่ายมาเพื่อปัจจัยเสริมอีกบางส่วน สาเหตุที่แนวทางการดำรงชีวิตอย่างพอเพียง ได้ถูกกล่าวถึงอย่างกว้างขวางในขณะนี้ เพราะสภาพการดำรงชีวิตของสังคมทุนนิยมในปัจจุบันได้ถูกปลูกฝัง สร้าง หรือกระตุ้น ให้เกิดการใช้จ่ายอย่างเกินตัว ในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเกินกว่าปัจจัยในการดำรงชีวิต เช่น การบริโภคเกินตัว ความบันเทิงหลากหลายรูปแบบ ความสวยความงาม การแต่งตัวตามแฟชั่น การพนันหรือเสี่ยงโชค เป็นต้น จนทำให้ไม่มีเงินเพียงพอเพื่อตอบสนองความต้องการเหล่านั้น ส่งผลให้เกิดการกู้หนี้ยืมสิน เกิดเป็นวัฏจักรที่บุคคลหนึ่งไม่สามารถหลุดออกมาได้ ถ้าไม่เปลี่ยนแนวทางในการดำรงชีวิต
ซึ่ง ดร. สุเมธ ตันติเวชกุล ได้กล่าวว่า "หลาย ๆ คนกลับมาใช้ชีวิตอย่างคนจน ซึ่งเป็นการปรับตัวเข้าสู่คุณภาพ" และ "การลงมือทำด้วยความมีเหตุมีผล เป็นคุณค่าของเศรษฐกิจพอเพียง"
Email: kongmatpruk@gmail.com
Email: kongmatpruk@gmail.com
วันเสาร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2555
Acknowledged for Adobe PhotShop CS3
การใช้โปรแกรม Adobe Photoshop ในการตกแต่งภาพ:
สมาชิกกลุ่มประกอบด้วย: ครูกฤษฎา, ครูธวัชพนธ์, ครูแพรวรมิดาว์, ครูณัฐพล และครูสรวิชญ์
ขอบเขตการใช้โปรแกรมที่กลุ่มนำเสนอ:
1. เมนูการใช้ Adobe Photoshop ในการตกแต่งภาพ
2. focus ที่การใช้เครื่องมือ Lasso tool ในการเลือกตำแหน่งในการเลือกพื้นที่ที่ต้องปรับแต่ง ภาพโดยการตัดบริเวณรูปของบุคคลเพียงอย่างเดียวเพื่อให้ Effect ในการปรับแต่งไม่มีผลต่อ Background
3. การใช้เครื่องมือ stamp ในการตกแต่ง ภาพเช่นการลบร่องรอยบนพื้นผิวของบุคลล
4. การใช้เครื่องมือ Filter ปรับแต่ง grain เพื่อให้ภาพดูเหมือนภาพที่ถ่ายด้วย Film
5.การใช้เครื่องมือ Filter สร้างผลของภาพให้มีลักษณะภาพ Blur หรือภาพที่มีความชัดลึก/ ชัดตื้น (Depth of Field) ได้แก่การทำให้พื้นหลังของภาพ เบลอ เหมือน การถ่ายภาพจากกล้อง DSLR หรือบางทีอาจเรียกว่าการทำ "หน้าชัดหลังเบลอ" ซึ่งภาษาทางการถ่ายภาพเรียกว่า ภาพชัดตื้น ในทางกลับกัน สามารถสร้างลักษณะของภาพให้ด้านหน้าเบลอแต่ภาพด้านหลัง(Background)ชัด ก็จะได้อารมณ์ของภาพแตกต่างออกไป แบบนี้ภาษาทางการถ่ายภาพเรียกว่า ภาพชัดลึก
6.การเรียนรู้วิธีการบันทึก file เป็นนามสกุลต่างๆ เช่น psd, jpg, bmp (นิยมใช้3นามสกุลนี้)
Email: kongmatpruk@gmail.com
สมาชิกกลุ่มประกอบด้วย: ครูกฤษฎา, ครูธวัชพนธ์, ครูแพรวรมิดาว์, ครูณัฐพล และครูสรวิชญ์
ขอบเขตการใช้โปรแกรมที่กลุ่มนำเสนอ:
1. เมนูการใช้ Adobe Photoshop ในการตกแต่งภาพ
2. focus ที่การใช้เครื่องมือ Lasso tool ในการเลือกตำแหน่งในการเลือกพื้นที่ที่ต้องปรับแต่ง ภาพโดยการตัดบริเวณรูปของบุคคลเพียงอย่างเดียวเพื่อให้ Effect ในการปรับแต่งไม่มีผลต่อ Background
3. การใช้เครื่องมือ stamp ในการตกแต่ง ภาพเช่นการลบร่องรอยบนพื้นผิวของบุคลล
4. การใช้เครื่องมือ Filter ปรับแต่ง grain เพื่อให้ภาพดูเหมือนภาพที่ถ่ายด้วย Film
5.การใช้เครื่องมือ Filter สร้างผลของภาพให้มีลักษณะภาพ Blur หรือภาพที่มีความชัดลึก/ ชัดตื้น (Depth of Field) ได้แก่การทำให้พื้นหลังของภาพ เบลอ เหมือน การถ่ายภาพจากกล้อง DSLR หรือบางทีอาจเรียกว่าการทำ "หน้าชัดหลังเบลอ" ซึ่งภาษาทางการถ่ายภาพเรียกว่า ภาพชัดตื้น ในทางกลับกัน สามารถสร้างลักษณะของภาพให้ด้านหน้าเบลอแต่ภาพด้านหลัง(Background)ชัด ก็จะได้อารมณ์ของภาพแตกต่างออกไป แบบนี้ภาษาทางการถ่ายภาพเรียกว่า ภาพชัดลึก
6.การเรียนรู้วิธีการบันทึก file เป็นนามสกุลต่างๆ เช่น psd, jpg, bmp (นิยมใช้3นามสกุลนี้)
Email: kongmatpruk@gmail.com
เกร็ดความรู้ที่ดีต่อชีวิต
เกร็ดความรู้ที่ดีต่อชีวิต
มีเพื่อนส่งบทความนี้มาให้อ่าน ลองอ่านดูครับเผื่ออยากจะใส่ใจสุขภาพตัวเองขึ้นมาบ้าง
1. เรื่องขวดน้ำพลาสติกที่บรรจุน้ำดื่ม ที่ขาย ๆ กันตามห้างสรรพสินค้า เซเว่นอีเลฟเว่น รวมทั้งที่ไปเติมน้ำมันครบ 800 แถมน้ำ 1 ขวด อะไรทำนองนั้น
ปัจจุบันเพิ่งมีคนตายเพราะการนำขวดพลาสติกดังกล่าวไปบรรจุน้ำดื่มครั้งแล้วครั้งเล่า โดยสารพิษชนิดหนึ่ง สามารถละลายออกมาปะปนกับน้ำดื่ม เนื่องจากขวดประเภทนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ครั้งเดียว อายุการใช้งานสั้น ๆ เท่านั้น ดังนั้นจึงไม่สมควรเสียดาย นำมาบรรจุน้ำดื่มอีก
รวมทั้งน้ำที่มากับขวด หากแม้ว่าเปิดกินไม่หมดแล้วเก็บไว้ในรถยนต์ ซึ่งรถดังกล่าวอาจจอดที่ ๆ ร้อน ๆ ความร้อนก็มีผลกับสารพิษที่มากับขวดได้ ดังนั้นเมื่อเปิดดื่มแล้ว ควรดื่มให้หมดภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์ โดยเฉพาะหากเก็บขวดนั้นไว้ที่ร้อน ๆ ถ้าเก็บที่อุณหภูมิห้องจะปลอดภัยกว่า
2. ม่านพลาสติกที่แขวนในห้องน้ำเพื่อกั้นพื้นที่แห้งกับเปียก มีข่าวแจ้งมาว่ามีนักจุลวิทยาคนนึงในต่างประเทศ เค้าสังเกตว่าที่ม่านพลาสติกมีคราบดำ ๆ ทีแรกเค้าคิดว่าเป็นคราบสบู่ เค้าลองขูดแล้วเอาไปส่องกล้อง ปรากฏว่าคราบดำ ๆ ดังกล่าวเป็นแบตทีเรียชนิดร้ายแรง ที่เติบโตโดยอาศัย การผายลม การเลอ การไอ จาม ของมนุษย์เรานี่แหละ เป็นอาหารอย่างดีของมัน เค้าแนะนำว่า เราควรถอดไปซัก อาทิตย์ละครั้ง หรือ เดือนละ 2 ครั้งก็ได้ หรือถ้าไม่มีเวลาก็เดือนละครั้งก็ยังดี นอกจากนี้เค้าเตือนว่า อะไรที่เป็นพลาสติกก็เข้าข่ายเหมียนกัลลลล....ล
โดยเจ้าเชื้อโรคเนี่ยมันจะเข้ามาทำอันตรายเราก็ต่อเมื่อ เราป่วย มีบาดแผล คนแก่ คนที่ผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ แล้วต้องกินยากดภูมิคุ้มกัน
3. เรื่องคนนอนดึก
เราควรพักผ่อนเข้านอนเวลา 3 ทุ่ม เนื่องจากร่างกายเราต้องการเวลาในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ขับของเสียตามอวัยวะต่าง ๆ ย่อยอาหารให้หมด ถ้ากินมื้อหนักตอนกลางคืน แถมนอนดึกอีก รับรองว่าอ้วนพุงพุ้ย แน่นอน ไขมันเผาผลาญไม่หมดมันเลยสะสมอ่ะ ?ต่ถ้านอนดึกเลี่ยงไม่ได้ เพราะขนงานมาทำ หรือติดงานอะไรก็ตาม ควรปฏิบัติดังนี้
3.1 งดเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู ไก่ เพราะย่อยยาก ลำไส้ต้องทำงานหนัก
3.2 หากเราอยากกินเนื้อสัตว์ ก็ควรช่วยลำไส้ด้วยการเคี้ยวให้ละเอียด ยิ่งเคี้ยวละเอียด ยิ่งดี จะได้แบ่งเบาภาระลำไส้
3.3 ดื่มน้ำขิง ผสม น้ำผึ้ง อุ่น ๆ หรือ น้ำอุ่นธรรมดา + น้ำผึ้ง หรือถ้าไม่มีอะไรเลย น้ำอุ่น
1. เรื่องขวดน้ำพลาสติกที่บรรจุน้ำดื่ม ที่ขาย ๆ กันตามห้างสรรพสินค้า เซเว่นอีเลฟเว่น รวมทั้งที่ไปเติมน้ำมันครบ 800 แถมน้ำ 1 ขวด อะไรทำนองนั้น
ปัจจุบันเพิ่งมีคนตายเพราะการนำขวดพลาสติกดังกล่าวไปบรรจุน้ำดื่มครั้งแล้วครั้งเล่า โดยสารพิษชนิดหนึ่ง สามารถละลายออกมาปะปนกับน้ำดื่ม เนื่องจากขวดประเภทนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ครั้งเดียว อายุการใช้งานสั้น ๆ เท่านั้น ดังนั้นจึงไม่สมควรเสียดาย นำมาบรรจุน้ำดื่มอีก
รวมทั้งน้ำที่มากับขวด หากแม้ว่าเปิดกินไม่หมดแล้วเก็บไว้ในรถยนต์ ซึ่งรถดังกล่าวอาจจอดที่ ๆ ร้อน ๆ ความร้อนก็มีผลกับสารพิษที่มากับขวดได้ ดังนั้นเมื่อเปิดดื่มแล้ว ควรดื่มให้หมดภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์ โดยเฉพาะหากเก็บขวดนั้นไว้ที่ร้อน ๆ ถ้าเก็บที่อุณหภูมิห้องจะปลอดภัยกว่า
2. ม่านพลาสติกที่แขวนในห้องน้ำเพื่อกั้นพื้นที่แห้งกับเปียก มีข่าวแจ้งมาว่ามีนักจุลวิทยาคนนึงในต่างประเทศ เค้าสังเกตว่าที่ม่านพลาสติกมีคราบดำ ๆ ทีแรกเค้าคิดว่าเป็นคราบสบู่ เค้าลองขูดแล้วเอาไปส่องกล้อง ปรากฏว่าคราบดำ ๆ ดังกล่าวเป็นแบตทีเรียชนิดร้ายแรง ที่เติบโตโดยอาศัย การผายลม การเลอ การไอ จาม ของมนุษย์เรานี่แหละ เป็นอาหารอย่างดีของมัน เค้าแนะนำว่า เราควรถอดไปซัก อาทิตย์ละครั้ง หรือ เดือนละ 2 ครั้งก็ได้ หรือถ้าไม่มีเวลาก็เดือนละครั้งก็ยังดี นอกจากนี้เค้าเตือนว่า อะไรที่เป็นพลาสติกก็เข้าข่ายเหมียนกัลลลล....ล
โดยเจ้าเชื้อโรคเนี่ยมันจะเข้ามาทำอันตรายเราก็ต่อเมื่อ เราป่วย มีบาดแผล คนแก่ คนที่ผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ แล้วต้องกินยากดภูมิคุ้มกัน
3. เรื่องคนนอนดึก
เราควรพักผ่อนเข้านอนเวลา 3 ทุ่ม เนื่องจากร่างกายเราต้องการเวลาในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ขับของเสียตามอวัยวะต่าง ๆ ย่อยอาหารให้หมด ถ้ากินมื้อหนักตอนกลางคืน แถมนอนดึกอีก รับรองว่าอ้วนพุงพุ้ย แน่นอน ไขมันเผาผลาญไม่หมดมันเลยสะสมอ่ะ ?ต่ถ้านอนดึกเลี่ยงไม่ได้ เพราะขนงานมาทำ หรือติดงานอะไรก็ตาม ควรปฏิบัติดังนี้
3.1 งดเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู ไก่ เพราะย่อยยาก ลำไส้ต้องทำงานหนัก
3.2 หากเราอยากกินเนื้อสัตว์ ก็ควรช่วยลำไส้ด้วยการเคี้ยวให้ละเอียด ยิ่งเคี้ยวละเอียด ยิ่งดี จะได้แบ่งเบาภาระลำไส้
3.3 ดื่มน้ำขิง ผสม น้ำผึ้ง อุ่น ๆ หรือ น้ำอุ่นธรรมดา + น้ำผึ้ง หรือถ้าไม่มีอะไรเลย น้ำอุ่น
ธรรมดา สัก 1 แก้วก็ได้ เหมียน กัลลล...ล
3.4 เวลานอน ควรทำให้ช่วงท้อง / ฝ่าเท้าอุ่น โดยการห่มผ้า
3.5 ที่จริงมื้อดึก ควรเป็นมื้อเบา ๆ อย่างเช่น ผัก ผลไม้ นม ไข่ เนื้อปลา จะดีกว่า
3.6 ควรเลี่ยงน้ำเย็น น้ำอัดลม เพราะเพิ่มภาระให้ระบบภายในร่างกาย ร่างกายเราต้องความร้อนเพราะช่วยในการย่อยอาหาร หากดื่มแต่น้ำเย็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังมื้ออาหาร จะทำให้ร่างกายเราต้องพยายามปรับอุณหภูมิ ให้อุ่นเหมาะสมก่อน แล้วจึงนำไปใช้ การดื่มน้ำอัดลมก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพิ่มกรดให้ร่างกาย แถมมีน้ำตาลที่สะสมตามร่างกายอีก
**** ถ้าอยากกินเนื้อสัตว์ ควรกินเวลา 7.00 น - 9.00 น. เนื่องจากกระเพาะเรามีสภาพเป็นกรดสูงมากที่สุด ดังนั้นมื้อเช้าจะจำเป็นมาก ๆ ถ้าอดมื้อเช้าไปนาน ๆ ขั้วกระเพาะเราจะเป็นปุ่มปม และนานเข้า ๆ ก็กลายเป็นมะเร็งในกระเพาะ
อย่าลืมดื่มน้ำให้ได้วันละ 8 แก้วนะ น้ำสะอาดจะช่วยล้างของเสีย ออกจากร่างกาย อย่าขี้เกียจลุกไปห้องน้ำเด็ดขาด
ห้ามอดหลับอดนอนตั้งแต่ ตีหนึ่ง เด็ดขาด เนื่องจาก ถุงน้ำดีกำลังย่อยไขมัน ถ้าอดนอนเวลานี้บ่อย ๆ จะเป็นนิ่วในถุงน้ำดี
ห้ามกินนมตอนเช้า แทนข้าวเช้า เนื่องจาก ตอนเช้ากระเพาะเป็นกรดสูงมาก นึกสภาพดูหากเราบีบน้ำมะนาวลงในนม จะเกิดปฏิกิริยาทางเคมี กลายเป็นคอลลอยด์ มันไม่ย่อย นะจ๊ะ ถ้าดื่มนมตอนท้องว่างแบบนี้ติดต่อกันเป็นประจำแทนข้าวเช้า ระวังมะเร็งในไขกระดูกนะจ๊ะ แต่ถ้าเป็นช่วงหลังอาหารเช้า หรือ ตอนบ่ายไปแล้ว หรือตอนเย็นดื่มได้ตามปกติจ้า มื้อเย็นอาจเป็นมื้อง่าย ๆ อย่างนม กับไข่ก็ไม่ว่ากัน
ถั่วต่าง ๆ รวมทั้งธัญพืชสารพัดอย่าง เช่น ลูกเดือย ข้าวฟ่าง ฯลฯ มีประโยชน์ต่อลำไส้ คือ ช่วยกวาดเชื้อโรค + แบททีเรีย นิดไม่ดี ออกจากลำไส้เรา ควรกิน อาทิตย์ละครั้ง อย่างน้อย
พืชผักสีเขียว มีคลอโรฟิลด์ ช่วยทำให้เม็ดเลือดลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ดี เซลแต่ละเซลล์จะแข็งแรงเมื่อมีออกซิเจนไปหล่อเลี้ยง ก่อนเอาผักมากิน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสารพิษ อย่าลืมแช่น้ำส้มสายชู 45 นาทีนะขอรับ
อ่านจบแล้ว หวังว่าคงจะใส่ใจดูแลสุขภาพตัวเองมากยิ่งขึ้น นะขอรับ
3.5 ที่จริงมื้อดึก ควรเป็นมื้อเบา ๆ อย่างเช่น ผัก ผลไม้ นม ไข่ เนื้อปลา จะดีกว่า
3.6 ควรเลี่ยงน้ำเย็น น้ำอัดลม เพราะเพิ่มภาระให้ระบบภายในร่างกาย ร่างกายเราต้องความร้อนเพราะช่วยในการย่อยอาหาร หากดื่มแต่น้ำเย็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังมื้ออาหาร จะทำให้ร่างกายเราต้องพยายามปรับอุณหภูมิ ให้อุ่นเหมาะสมก่อน แล้วจึงนำไปใช้ การดื่มน้ำอัดลมก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพิ่มกรดให้ร่างกาย แถมมีน้ำตาลที่สะสมตามร่างกายอีก
**** ถ้าอยากกินเนื้อสัตว์ ควรกินเวลา 7.00 น - 9.00 น. เนื่องจากกระเพาะเรามีสภาพเป็นกรดสูงมากที่สุด ดังนั้นมื้อเช้าจะจำเป็นมาก ๆ ถ้าอดมื้อเช้าไปนาน ๆ ขั้วกระเพาะเราจะเป็นปุ่มปม และนานเข้า ๆ ก็กลายเป็นมะเร็งในกระเพาะ
อย่าลืมดื่มน้ำให้ได้วันละ 8 แก้วนะ น้ำสะอาดจะช่วยล้างของเสีย ออกจากร่างกาย อย่าขี้เกียจลุกไปห้องน้ำเด็ดขาด
ห้ามอดหลับอดนอนตั้งแต่ ตีหนึ่ง เด็ดขาด เนื่องจาก ถุงน้ำดีกำลังย่อยไขมัน ถ้าอดนอนเวลานี้บ่อย ๆ จะเป็นนิ่วในถุงน้ำดี
ห้ามกินนมตอนเช้า แทนข้าวเช้า เนื่องจาก ตอนเช้ากระเพาะเป็นกรดสูงมาก นึกสภาพดูหากเราบีบน้ำมะนาวลงในนม จะเกิดปฏิกิริยาทางเคมี กลายเป็นคอลลอยด์ มันไม่ย่อย นะจ๊ะ ถ้าดื่มนมตอนท้องว่างแบบนี้ติดต่อกันเป็นประจำแทนข้าวเช้า ระวังมะเร็งในไขกระดูกนะจ๊ะ แต่ถ้าเป็นช่วงหลังอาหารเช้า หรือ ตอนบ่ายไปแล้ว หรือตอนเย็นดื่มได้ตามปกติจ้า มื้อเย็นอาจเป็นมื้อง่าย ๆ อย่างนม กับไข่ก็ไม่ว่ากัน
ถั่วต่าง ๆ รวมทั้งธัญพืชสารพัดอย่าง เช่น ลูกเดือย ข้าวฟ่าง ฯลฯ มีประโยชน์ต่อลำไส้ คือ ช่วยกวาดเชื้อโรค + แบททีเรีย นิดไม่ดี ออกจากลำไส้เรา ควรกิน อาทิตย์ละครั้ง อย่างน้อย
พืชผักสีเขียว มีคลอโรฟิลด์ ช่วยทำให้เม็ดเลือดลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ดี เซลแต่ละเซลล์จะแข็งแรงเมื่อมีออกซิเจนไปหล่อเลี้ยง ก่อนเอาผักมากิน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสารพิษ อย่าลืมแช่น้ำส้มสายชู 45 นาทีนะขอรับ
อ่านจบแล้ว หวังว่าคงจะใส่ใจดูแลสุขภาพตัวเองมากยิ่งขึ้น นะขอรับ
ผู้สร้างสันติ (Peace Maker)
ผู้สร้างสันติ (Peace Maker)
“บุคคลผู้ใดสร้างสันติผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าพระเจ้าจะทรงเรียกเขาว่าเป็นบุตร” มธ.5:9
วันพุธที่ 19 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ได้เกิดการเผาทำลายสถานที่สำคัญต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด สร้างความเสียหายมากมายแก่ประเทศไทย หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ตั้งแต่เกิดมา ยังไม่เคยเจอสถานการณ์ ที่เลวร้ายขนาดนี้ ในประวัติศาสตร์ จนถึงปัจจุบัน มีการเผาทำลายครั้งใหญ่ๆ ที่ถูกบันทึกไว้หลายครั้ง เช่น พศ.2310 พม่าเผาทำลายกรุงศรีอยุธยา ปีก่อนค.ศ. 722 กษัตริย์ชาลมาเนเสอร์ของอัสซีเรีย เผาทำลายกรุงสะมาเรียของอิสราเอล (2พกษ.17:1-41) ปีก่อน ค.ศ.586 กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ของบาบิโลน เผาทำลายพระวิหาร พระราชวังและบ้านเรือน ในกรุงเยรูซาเล็ม (2พกษ.25:8-10) ปี ค.ศ.70 แม่ทัพทิตัส แห่งโรม เผาทำลายพระวิหารและบ้านเรือนในกรุงเยรูซาเล็ม แบบสิ้นซาก ในวันที่ 11 กันยายน ค.ศ.2001 ผู้ก่อการร้าย เผาตึกแฝดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ด้วยการขับเครื่องบินชนตึก ทั้งหมดที่กล่าวมา ล้วนเป็นการเผาทำลายที่เกิดขึ้นจากคนต่างชาติ แต่การเผาที่เกิดขึ้นในประเทศไทยครั้งล่าสุดนี้ เป็นการเผาทรัพย์ของคนในชาติ โดยคนในชาติ ในประวัติศาสตร์ไม่ค่อยมีการเผาทำลายในลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยนัก ครั้งที่ร้ายแรงที่สุด เกิดขึ้น เมื่อ วันที่ 25 กรกฎาคม ค.ศ.64 ที่กรุงโรม เปลวเพลิงได้ลุกไหม้ เผาผลาญตลอด 6 วัน 6 คืน และมอดดับลงในวันที่ 7 เปลวเพลิงครั้งนี้ มีบ้านเรือนที่ถูกเผาไป 132 หลัง ใน 4หมู่บ้าน ก่อนเกิดเหตุ จักรพรรดิเนโรเคยคิดจะเปลี่ยนชื่อกรุงโรมใหม่ เป็น เนโรโพลิส (Neropolis) ขณะเกิดเหตุ เนโรก็ไม่ยอมส่งทหารไปช่วยดับไฟ และหลังเกิดเหตุ เนโรก็สั่งให้เวนคืนที่ดินจำนวนหนึ่งมาสร้างพระราชวังทองคำ (Golden Palace) ประชาชนจึงปักใจเชื่อว่าเนโรเป็นผู้เผากรุงโรม เพื่อปัดความผิดให้พ้นตัว เนโรจึงโยนความผิดทั้งหมดให้กับคริสเตียนว่าเป็นผู้ก่อเหตุ ฉะนั้นพี่น้องคริสเตียนเป็นจำนวนมากรวมทั้งอัครทูตเปโตรและเปาโล จึงต้องสังเวยชีวิตอย่างน่าอนาถ กับความผิดที่ตัวเองไม่ได้ก่อ เนโรเป็นจักรพรรดิโรม เผาทำลายกรุงโรม ซึ่งเป็นสมบัติชาติ ของตัวเอง ผู้คนจึงขนานนามให้เขาเป็น “ทรราชย์”มาจนถึงทุกวันนี้ น่าสลดใจอย่างยิ่ง ที่เหตุการณ์เผาบ้านเมืองของตัวเอง ได้มาเกิดขึ้นที่ประเทศไทยในปีนี้
ก่อนถูกประหารชีวิตเปโตรยังกำชับพี่น้องคริสเตียนว่า “ท่านทั้งหลายจงยอมฟังการบังคับบัญชาที่มนุษย์ตั้งไว้ทุกอย่าง(เคารพกฎหมาย) เพราะเห็นแก่องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นมหาจักรพรรดิผู้มีอำนาจยิ่ง เพราะว่าผู้ที่ได้รับความเห็นชอบว่าดีนั้น ก็ต่อเมื่อเขายอมเห็นแก่พระเจ้า และยอมอดทนต่อความทุกข์ที่ไร้ความเป็นธรรม” 1ปต.2:13,19 ส่วนเปาโล กล่าวว่า “อย่าทำชั่วตอบแทนการชั่ว แต่จงมุ่งกระทำสิ่งที่ใครๆ เห็นว่าดี ..จงอยู่อย่างสงบสุขกับทุกคน” รม.12:17-18 อะไรคือสงบ? อะไรคือสันติ? คงไม่ใช่อย่างที่ผู้ก่อเหตุกระทำกันอย่างทุกวันนี้แน่นอน ขอพี่น้องช่วยกันอธิษฐานเผื่อให้สันติภาพจากพระเจ้า บังเกิดขึ้นในจิตใจเรา แผ่ขยายไปสู่คนรอบข้าง และกระจายออกไปสู่ผู้คนในสังคม เพื่อความผาสุกร่มเย็นจะได้เกิดขึ้นแก่คนไทย ในเร็ววัน อาเมน
เพื่อนแท้
เพื่อนแท้
สำนวนไทยบทหนึ่งกล่าวว่า “เพื่อนกินหาง่าย เพื่อนตายหาก” สะท้อนความจริงว่า เพื่อนที่จริงใจต่อกันนั้นหายากมาก และอีกบทหนึ่งกล่าวว่า “คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิต พาไปหาผล" สะท้อนความจริงเรื่องอิทธิพลของเพื่อน ว่า ถ้ามีเพื่อนดี ชีวิตเราก็จะพลอยดีไปด้วย แต่ถ้าเพื่อนไม่ดี เพื่อนก็อาจพาเราเสียคนไปด้วย ในพระธรรมสุภาษิต กล่าวถึงเพื่อนไว้อย่างน่าประทับใจหลายข้อเช่น “บุคคลที่เดินกับปราชญ์ ก็กลายเป็นคนฉลาด แต่เพื่อนฝูงของคนโง่จะรับภยันตราย”สภษ. 13:20 คล้ายกันกับ “คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิต พาไปหาผล”
“ทรัพย์ศฤงคารเพิ่มเพื่อนเป็นอันมาก แต่คนยากจนก็ถูกเพื่อนของเขาร้างไป” สภษ.19:4 อันนี้ก็คล้ายกับ“เพื่อนกินหาง่าย เพื่อนตายหาก” สำนวนไทยสั่งสอนกันมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย แต่ข้อความที่ปรากฏในพระธรรมสุภาษิตมีมากว่า 2,000 ปี ซึ่งถือว่ายาวนานมากกว่า พระคัมภีร์ไม่ได้สะท้อนความจริงเรื่องเพื่อนเท่านั้น แต่ยังสอนด้วยว่า ควรจะเป็นเพื่อนที่ดี อย่างไร เช่น
“อย่าทอดทิ้งมิตรของเจ้า และมิตรของบิดาเจ้า” สภษ.19:4 สอนว่าเป็นเพื่อนกันต้องไม่ทอดทิ้งกัน
“เหล็กลับเหล็กได้ คนหนึ่งก็ลับเพื่อนของตนได้” สภษ.27:17สอนว่าเพื่อนที่ดีต้องรู้จักขัดเกลาและพัฒนาชีวิตของกันและกัน
“มีเพื่อนที่แสร้งทำเป็นเพื่อน แต่มีมิตรบางคนที่ใกล้ชิดยิ่งกว่าพี่น้อง” สภษ.18:24 สอนว่าเพื่อนที่ดี บางทีก็สนิทสนมและช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ยิ่งกว่าญาติพี่น้อง
ครั้งหนึ่งพระเยซูตรัสกับเหล่าสาวกว่า “ ไม่มีผู้ใดมีความรักที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ คือการที่ผู้หนึ่งผู้ใดจะสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหายของตน ถ้าท่านทั้งหลายประพฤติตามที่เราสั่งท่าน ท่านก็จะเป็นมิตรสหายของเรา เราจะไม่เรียกท่านทั้งหลายว่าบ่าวอีก เพราะบ่าวไม่ทราบว่านายทำอะไร แต่เราเรียกท่านว่ามิตรสหาย เพราะว่าทุกสิ่งที่เราได้ยินจากพระบิดาของเรา เราได้สำแดงแก่ท่านแล้ว” ยน.15:13-15 มี 3 สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากคำตรัสของพระเยซูในตอนนี้
1) เพื่อนแท้ ตายแทนกันได้
2) คนที่ปฏิบัติตามคำสอนของพระเยซู พระองค์จะทรงนับเขาเป็นมิตรสหาย
3) เพื่อนแท้คบหากันอย่างเปิดเผย ไม่มีอะไรปิดบังซ่อนเร้น
ในยุคที่โลกกำลังจมดิ่งลงสู่ความบาปเช่นนี้ เราจะหาเพื่อนแท้ได้ที่ไหน พระเยซูคริสต์ทรงเป็นเพื่อนแท้ของทุกคนที่เชื่อวางใจในพระองค์ พระเยซูยอมตายแทนมนุษย์ บนไม้กางเขน จากนั้น 3 วัน ทรงเป็นขึ้นจากความตาย พระองค์พร้อมจะรับฟังทุกเรื่องจากผู้ที่ร้องทูล และพร้อมจะเปิดเผยทุกสิ่งให้แก่ให้ประจักษ์แจ้ง คุณปรารถนาจะมีเพื่อนแท้อย่างพระเยซูหรือไม่ ถ้าต้องการขอเชิญอธิษฐานต่อพระองค์ ครับ
ขนมปังชิ้นที่ 3 จากคุณ ตัน โออิชิ
ขนมปังชิ้นที่ 3 จากคุณ ตัน โออิชิ...
มีลูก 3 คน มีบ้าน 2 หลัง จะแบ่งยังไงดีครับ?
เพื่อนผมคนหนึ่งคิดยังไงก็คิดไม่ตก เกษียณอายุราชการแล้วยังต้องทำงาน งกๆ
“สู้เพื่อลูก”ผ่อนบ้านหลังที่ 3 กลัวแบ่งสมบัติไม่ลงตัว เดี๋ยวจะนอนตายตาไม่หลับ
ผมบอกถ้าไม่อยากวุ่นวาย…...ง่ายนิดเดียว
แค่ขายบ้านให้หมด แล้วใช้เงินให้มีความสุขกับชีวิตหลังเกษียณ
เหลือเท่าไหร่ก็เท่านั้น..
ตอนพ่อแม่ผมเสีย ไม่ได้มีเงินทองมากมาย
ผมเลือกพระหนึ่งองค์เป็นสมบัติจากพ่อ
หยิบแหวนวงเดียวจากกองมรดกของแม่
สมบัติสุดท้ายไม่กี่ชิ้นของพ่อกับแม่ที่เทกองบนโต๊ะ..ผมกับพี่น้องแบ่งกันยังไงก็ลงตัว
สำหรับผมในวันนี้สอนลูกตั้งแต่พวกเขายังเล็ก
ว่าการศึกษาเท่าที่เขาต้องการคือสมบัติที่ผมจะให้
น้องกิฟท์ลูกสาวคนโตรู้ดีและเขาเข้าใจว่าผมไม่มีนโย บายเก็บเงินให้ลูก
วันหนึ่งเขาบอกผมว่า “ป่าป๊า ไม่ต้องห่วงกิฟท์ ธุรกิจและเงินที่ป่าป๊าทำมาไม่ต้องเผื่อกิฟท์ หนูรับผิดชอบตัวเองงได้”
ผมให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ไปตั้งต้นร้านอาหารชื่ออิซีลี่ บริหารไม่นานก็เจ๊ง
เขาใช้โอกาสอีกครั้งกับเงินทุนที่เหลืออยู่ตั้งใจทำร้านอาหารใหม่ชื่อแซ่บอีลี่
คราวนี้เขาไม่ประมาทและตั้งใจกว่าเดิมอีกหลายเท่า จนวันนี้ร้านแซ่บอีลี่ก็อยู่ได้
ลูกทุกคนของผมรู้ดีว่าสมบัติทุกอย่างที่ผมให้ ถ้าไม่ตั้งใจทำย่อมมีวันหมด
ผมให้โอกาสการศึกษาเต็มที่..ที่เหลือเขาต้องเลือกทางเดินชีวิตด้วยตัวของเขาเอง
ไม่ใช่ผมไม่รักลูก แต่ใช่ว่ามีเงินเยอะๆ แล้วจะดีสำหรับเขา
ผมอยากให้ลูกได้รู้จักกับความยากลำบาก ไม่อยากให้เคยชินกับความสบาย
ไปต่างประเทศด้วยกันทุกครั้ง ลูกๆ ทุกคนต้องนั่งเครื่องบินชั้นอิโคโนมี
บางครั้งน้องเก็ตลูกชายยังเป็นเด็ก เขาเคยแผลงฤทธิ์ไม่พอใจทำไมไม่ได้นั่งบิซิเนสคลาสด้วยกัน
วันนี้เขาอาจจะยังไม่เข้าใจ แต่โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ทำงานหาเงินเองได้เมื่อไหร่
วันนั้นเขาจะเข้าใจได้ด้วยตัวเอง
ประสบการณ์สอนให้ผมรู้ว่าเงินเป็นได้ทั้งความทุกข์และความสุข
ในวันที่ต้องดิ้นรน เงิน คือ สิ่งจำเป็น เป็นขนมปังชิ้นแรกที่ประทังชีวิต
ขนมปังชิ้นที่สอง คือ ความอร่อย มีชีวิตที่สุขสบาย หายเหนื่อย มากกว่านั้น...กินเท่าไหร่ก็เป็นส่วนเกิน
ขนมปังชิ้นที่สาม คือ ยาพิษ อะไรที่มากเกินไปมักจะไม่มีประโยชน์ กลายเป็นให้โทษมากกว่าคุณ..
เงินก็เช่นกัน...
ถ้าคุณรู้ล่วงหน้าว่าจะมีบุญหล่นทับร่ำรวยเป็นพันๆ ล้าน
คุณอาจไม่รู้จักคุณค่าของความพยายาม
ชีวิตนี้ อาจไม่เคยรู้สึก ว่าจะต้องออกแรงดิ้นรนอะไรอีกต่อไป
เงินถ้าไม่รู้จักใช้ ไม่รู้จักหา ไม่รู้จักคุณค่า...มีเท่าไหร่ก็ไม่พอ
ถ้าหน้าที่ของพ่อแม่คือการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูก
เราควรรักลูกแบบไหน?
ลองถามตัวเองดูว่าเรากำลังยื่นขนมปัง "ชิ้นที่สาม" ที่เต็มไปด้วยยาพิษให้ลูกหรือเปล่า...
Acknowledged for Microsoft PowerPoint
การใช้โปรแกรม PowerPoint ในการใช้งานนำเสนอ:
สมาชิกกลุ่มประกอบด้วย: ครูรัฐกร, ครูวิไลพรรณ, ครูยุวดี, ครูอุกฤต และครูเพชร
ขอบเขตการใช้โปรแกรมที่กลุ่มนำเสนอ:
1. แนะนำเมนู
2. focus ที่ Hyper Link , การใส่ไฟล์ movie, เสียงาน, การตกแต่งงาน,
2.1 สร้าง Hyperlink การเชื่อมโยงภายในPPT
สร้างHyperlink ไปยังเอกสารหรือเว็บเพจ
สร้างHyperlink ไปยังไฟล์เสียง ไฟล์ภาพยนตร์
2.2 การใส่ไฟล์ภาพและไฟล์เสียงลงใน PPT
2.2.1 จากไฟล์เสียง ที่มีนามสกุล 4 นามสกุล
- การเปิดเสียงเมื่อคลิก และ เปิดเสียงเฉพาะ
- เปิดเสียงในหน้าแต่ละหน้าให้มีเสียงแตกต่างกัน
2.3.การใส่ไฟล์ movie :avi, mpeg,(แนะนำให้ใช้2 สกุลนี้)
E-mail: kongmatpruk@gmail.com
Acknowledged for Microsoft Word
การใช้โปรแกรม Microsoft Word ในการสร้างเอกสาร:
สมาชิกกลุ่มประกอบด้วย: ครูวรวัฒน์, ครูเมธี, ครูบุษกร, ครูรัตติกาล และครูโสวัฒน์
ขอบเขตการใช้โปรแกรมที่กลุ่มนำเสนอ:
1. การลงลายน้ำ ทั้งรูปภาพและตัวอักษร
2. การใช้ templete ของ word แบบต่างๆ
3. การป้องกันเอกสาร เลือกไปที่ review และเลือกไปที่ protect document เข้าเลือก restrict
formatting and edit in คลิกเครื่องหมายถูกให้หมด และเลือกไปที่ yes start enforcing protection
formatting and edit in คลิกเครื่องหมายถูกให้หมด และเลือกไปที่ yes start enforcing protection
4. การใช้คำสั่ง find และ replace มาใช้แก้คำที่ผิดในเอกสาร
5. การใช้คำสั่ง sort ในการจัดเรียงข้อมูล ให้รวดเร็วและสวยงาม
วันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2555
พระเยซูเจ้า = คุณครู
สวัสดีคุณครู
พระวาจาของพระเจ้าประจำสัปดาห์นี้ พูดถึงบทบาทของพระเยซูเจ้าในฐานะที่เป็นครูผู้สอน “พระองค์เสด็จเข้าไปในศาลาธรรมและทรงเริ่มสั่งสอน คำสั่งสอนของพระองค์ทำให้ผู้ฟังรู้สึกประทับใจอย่างมาก เพราะทรงสอนเขาอย่างทรงอำนาจไม่เหมือนธรรมาจารย์”(มาระโก 1:21-22)
พระวาจาของพระเจ้าประจำสัปดาห์นี้ พูดถึงบทบาทของพระเยซูเจ้าในฐานะที่เป็นครูผู้สอน “พระองค์เสด็จเข้าไปในศาลาธรรมและทรงเริ่มสั่งสอน คำสั่งสอนของพระองค์ทำให้ผู้ฟังรู้สึกประทับใจอย่างมาก เพราะทรงสอนเขาอย่างทรงอำนาจไม่เหมือนธรรมาจารย์”(มาระโก 1:21-22)
บทบาทหนึ่งของพระเยซูเจ้าคือ ทรงเป็น “คุณครู”
เมื่อพูดถึงครูแล้ว หลายท่าน(ที่อายุชักมากขึ้น)คงนึกถึงคุณครูในอดีตของท่าน ถ้าจะถามว่าคุณครูที่ท่านประทับใจและยังคงจดจำได้จนถึงปัจจุบันคือครูท่านใด และทำไมจึงจดจำได้อย่างแม่นยำ...ผมคิดว่าคำตอบของหลายๆท่านคงจะเป็นคุณครูที่เคร่งครัดหรือดุๆหน่อย ครูที่เอาจริงเอาจัง เคยถูกท่านลงโทษ อะไรทำนองนี้
มีคุณพ่อท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า คุณครูที่ท่านและเพื่อนๆไม่ชอบหรือพากันเซ็งอย่างไม่ได้นัดหมาย คือ คุณครูท่านหนึ่ง...(ไม่ขอเอ่ยชื่อ) พวกนักเรียนคิดว่าท่านทำอะไรที่ “มากเกินไป” เคร่งเกินไป เอาจริงเอาจังมากเกินไป ถ้านักเรียนคนใดไม่ทำการบ้านมาส่งตามกำหนด หรือทำส่งแบบไม่ตั้งใจ จะต้องโดนลงโทษอย่างจริงจัง ไม่มีการยกเว้น ไม่มีหลายมาตรฐาน สำหรับตัวของครูเองแล้ว เมื่อต้องเคร่งครัดเช่นนี้ ครูก็ต้องทำงานหนัก ต้องกวดขันลูกศิษย์ ต้องตรวจงานอย่างละเอียด ต้องรู้จักเด็กๆเป็นรายบุคคล ต้องแก้ไขงานให้แต่ละคน คุณครูท่านนี้มีคติพจน์ประจำตัวและมักจะบอกลูกศิษย์เสมอๆว่า “Laziness saves nobody” (ความเกียจคร้านไม่ช่วยใครเลย) สำหรับนักเรียนที่ทำงานไม่เรียบร้อย ไม่ตั้งใจ ไม่ถูกต้อง คุณครูจะเขียนความเห็นกำกับในท้ายของงานว่า “LSN” ใครที่ได้รับเจ้ารหัสนี้แสดงว่าโดนใบเหลืองแล้ว และถ้าโดนบ่อยๆคงต้องลำบากแน่ ลูกศิษย์ทุกคนทราบดีในเรื่องนี้ และเมื่อมีการชุมนุมศิษย์เก่า พวกลูกศิษย์พากันเรียกครูของเขาว่า “คุณครู LSN” ก็เพราะความเอาจริงเอาจังของคุณครูนี้แหละที่ทำให้พวกเขาได้ดีในปัจจุบัน
หันมาพิจารณาพระวาจาของพระเจ้าประจำวันอาทิตย์นี้ ผมมีข้อคิดสองประการ คือ (หนึ่ง)ประชาชนประทับใจที่เห็นพระเยซูเจ้า “ทรงสั่งสอนอย่างทรงอำนาจ” (สอง)ปีศาจรู้ว่าพระองค์เป็นพระเจ้าแต่ไม่ได้ศรัทธา “เรารู้ว่าท่านเป็นใคร ท่านเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า”(มาระโก 1:24)
เมื่อได้อ่านพระวาจาต่อไปจะเห็นว่าพระเยซูเจ้า ได้สั่งปีศาจว่า “จงเงียบ และออกไปจากผู้นี้” แล้วปีศาจหรือจิตชั่วร้ายก็ออกจากชายผู้นั้น อำนาจของพระองค์คือการขับไล่ความชั่วร้ายที่สิงอยู่ในใจของชายผู้นั้น พระเยซูเจ้าไม่ได้ทรงสอนวิชาความรู้อะไรอื่น ความเป็นครูของท่านคือการสอนให้คนเป็นคนดี ใครที่หลงผิดให้กลับมาดำเนินชีวิตในทางที่ถูกต้อง พระเยซูเจ้าทรงเปลี่ยนแปลงจิตใจของผู้คนได้ ดังนั้นสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากชีวิตของพระองค์ คือ เราทุกคนต้องเป็นครู ครูที่ช่วยกันชี้แนะเรื่องของความประพฤติของเด็กๆเยาวชน และของทุกๆคน ต้องช่วยกันขับไล่ความชั่วร้ายให้ออกไปจากจิตใจของผู้คน นี้คือข่าวดีประการแรก
ประการที่สอง เจ้าจิตชั่วหรือปีศาจ รู้จักพระเยซูเจ้า แต่ไม่ได้ศรัทธาหรือนับถือพระองค์ เปรียบเทียบกับเราแต่ละคน เรามักจะคิดว่าตนเอง “รู้แล้ว” ไม่ต้องมาบอกไม่ต้องมาสอน “รู้แล้วหน่า” เรามักจะทำตนเป็น “ชาล้นถ้วย” ไม่ยอมรับรู้เรื่องอื่นๆ หรือเป็นคนที่รู้ทุกอย่างแต่ไม่ปฏิบัติอะไรสักอย่าง คนประเภทนี้มีประโยชน์น้อย
เราทุกคนต้องรับผิดชอบในชีวิตของเราก่อน เราฟังพระวาจาของพระเจ้า อย่าเพียงแต่นึกว่า “รู้แล้ว” ฟังหรืออ่านมาบ่อยแล้ว การกระทำเช่นนี้ไม่มีประโยชน์ ตรงกันข้ามเราต้องเอาจริงเอาจัง ปฏิบัติตามคำสอนของพระเจ้า เช่นเดียวกับลูกศิษย์ของครู LSN
ในฐานะคริสตชน เราทุกคนต่างได้รับการเรียกให้มาเป็นครู เราอาจจะไม่ได้มีอำนาจเหนือธรรมชาติแบบพระเยซูเจ้าหรือมีครูแบบคุณครู LSN แต่เราทุกคนสามารถเป็นครูได้ด้วยแบบอย่างของเรา ชีวิตทีดีงามและถูกต้องของเรา เป็นบทเรียนที่มีค่าหรับผู้ที่พบเห็น
ขอให้คนที่พบเห็นเราประทับใจในชีวิตของเรา เช่นเดียวกับประชาชนประทับใจในการสั่งสอนของพระเยซูเจ้า
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)